วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

นิทานความรัก


นิทานความรัก


https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjO8hRmmuZLdCIZSAsWSf_GKMxrizDoIysi_-FHlC_BXfptAAR_eK1FQdBQoGrd8QSp_x7AvOfqqXflmStaJ6t7dHexmXr2SCSFiNpaIsMgsiCnHHbpwGgeiDZSqUmB7fCIgoOFIWSK4fU/s768/147_1.jpg


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเรื่องเล่าระหว่างสาวสวยและหนุ่มรูปงามผู้ซึ่งรักกันอย่างดูดดื่ม...
ทั้งสองได้สาบานว่าแม้ความตายก็มิอาจจะพรากรักอันแสนจะมั่นคงนี้ลงได้
และในครั้งนั้นยังมีแม่มดตนหนึ่งผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่าไม่มีสิ่งใดที่จะแน่นอนเท่าความไม่แน่นอน
แม่มดไม่เชื่อว่าความรักของทั้งสองจะมั่นคงจึงคิดหาทางพิสูจน์ขึ้นมา นางกล่าวว่า
หากพวกเจ้ามั่นใจในรักของอีกฝ่าย ซึ่งยั่งยืนแม้ว่าความตายจะพราก
ดังนั้นข้าก็อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นอย่างไร...ข้าขอสาปให้นับแต่นี้เป็นต้นไป
ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติ บุรุษนี้จะไม่มีทางจำเจ้าได้
เขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเคยรักเจ้า และตรงกันข้ามกับเจ้า
เจ้าจะเป็นคนที่จำทุกอย่างได้ เพราะเจ้าจะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป
ไม่แก่ไม่เฒ่า ไม่มีวันตาย จะอยู่อย่างนี้นิรันดร์...เจ้าจะจำเวลาที่เคยรักเขา
เคยเป็นที่รักและต้องเฝ้ารอการกลับมาของเขาในชาติแล้วชาติเล่าตลอดกาล...

"วันใดก็ตามที่เจ้าทำให้เขารู้ตัวว่ารักเจ้าทำให้เขาจำเจ้าได้
วันนั้น...คือวันที่ความเป็นนิรันดร์ของเจ้าสิ้นสุดลง...เจ้าจะแก่และตายตามสภาพ
ของอายุขัยที่ควรเป็น...และคราวนี้ก็จะเป็นทีของเจ้าหนุ่มนั่นแทน...เขาจะต้องเป็นคนที่ค้นหาเจ้าบ้าง..."
หลังจากนั้นมาปีแล้วปีเล่าเวลาผ่านไปศตวรรษทบศตวรรษที่หญิงสาวเฝ้าตามหาชายหนุ่มคนรัก

และทุกครั้งที่เธอได้พบเขาในสภาพของใครคนหนึ่ง
ที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย...เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาจำเธอได้


แต่มันไม่เคยสำเร็จชาติแล้วชาติเล่า...หลังจากการเกิดและดับของเขาผ่านไปนับสิบครั้ง
เขาก็ยังไม่อาจระลึกได้ถึงความรักของเธอ...ความทุกข์ทรมานของหญิงสาว
ถูกเฝ้าดูอย่างเย้ยเยาะโดยนางแม่มดผู้รอคอยเวลาที่หญิงสาวจะยอมรับว่า...
รักแท้ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากไม่มีจริง แล้วนางแม่มดก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่า
ในช่วงหลังๆ มาหญิงสาวไม่ได้พยายามที่จะทำให้ชายหนุ่มระลึกถึงตน
ไม่พยายามให้ชายหนุ่มรักตนแต่กลับทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้เขามีความสุข


และทำให้เขาเกิดรอยยิ้มแทน...แล้ววันหนึ่งนางแม่มดก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว
จึงปรากฏตัวเพื่อเอ่ยถามกับตัวหญิงสาวเอง...

"...เจ้าได้ละทิ้งความพยายามของเจ้าเสียแล้วล่ะหรือ...ความพยายามที่จะพิสูจน์
ให้ข้าเห็นอำนาจและพลังของรักแท้ที่เหนือกว่าอำนาจใดๆ แม้กระทั่งคำสาปของข้า..."

"จริงๆ แล้ว ข้าก็มีเหตุผลของข้า"

หญิงสาวตอบนางแม่มดกลับไป

"...ข้าไม่ได้ละทิ้งความพยายาม...เพียงแต่...
ข้ากลัวว่าความพยายามของข้าจะสัมฤทธิ์ผล...แล้ว"
"แล้วเจ้าก็ต้องแก่และตาย"
นางแม่มดต่อให้ด้วยเสียงเย้ยหยัน

" ที่แท้เจ้าก็กลัวที่จะตาย เจ้ากลัวจะสูญเสียความเป็นอมตะของเจ้า...
เฮอะ นี่หรือรักแท้ของเจ้า"
หญิงสาวไม่ปฏิเสธ นางเผชิญหน้ากับนางแม่มดและรับคำกล่าวหานั้น

"อาจใช่...มันเป็นความจริงที่ข้ากลัวว่าหากข้าทำให้เขาจำข้าและรักข้าได้ข้าจะต้องตายจากเขาไป"
"และเจ้าก็ไม่เชื่อใจว่าเขาจะทำให้เจ้าจำได้เช่นนั้นหรือ?"

หญิงสาวจ้องหน้าแม่มดนิ่งอยู่ ก่อนตอบ


สิ่งที่ข้าเกรงไม่ใช่เรื่องนั้น...ท่านรู้อะไรไหม...
ตลอดเวลาอันยาวนานที่ข้าเฝ้าเดินทางตามหาเขาเฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่า
รอวันที่เขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้ง...ตลอดเวลาที่ข้าเฝ้ามองการเกิดและการตายของเขา
มันคือความทรมานอันยาวนานที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด...
และสำหรับข้าความทุกข์อันแสนสาหัสคือ การได้เห็นความทรมานของผู้เป็นที่รัก
โดยที่เราไม่อาจเอื้อมมือเข้าไปช่วยเหลือได้...
หลายครั้งที่ข้าอยากให้ตัวข้าเห็นแก่ตัวพอที่จะพยายามทำให้เขารักทำให้เขาระลึกถึงข้าได้อีกครั้ง
เพื่อที่ข้าจะได้เป็นอิสระต่อการพันธนาการนี้...แต่ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงมัน
ความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับเนื่องจากการรอคอยที่ไม่มีวันจบสิ้นก็ทำให้ข้าคิดได้

...ข้าไม่อาจให้เขาต้องแบกรับความรู้สึกทรมานเช่นที่ข้าได้รู้สึก...
ความรักของข้าอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะตัดสินใจพยายามให้เขาจำข้าได้ต่อไป
และจากนี้ต่อไป แม้ว่าข้าจะต้องรอคอยไปชั่วนิรันดร์ สิ่งเดียวที่ข้าจะทำคือ
ข้าจะทำให้เวลาของเขามีแต่ความสุขเท่าที่พลังของข้าจะทำได้
ข้าอาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาก็จริง
แต่ข้าก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของเขา...ข้าอาจเป็นคนอ่อนแอในสายตาของท่านอย่างไรก็ตาม
นี่ก็คือความรักของข้า
คือสิ่งที่ข้าเป็น...แม้ชีวิตของข้าจะต้องเดียวดายตลอดกาลแต่ข้าก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่า
คนที่ข้ารักจะไม่มีวันเดียวดายเช่นตัวข้า...เพราะเขาจะมีข้าข้างกายเขาชั่วนิรันดร์ "........................

นิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบเพราะอยากให้คนที่อ่านจินตนาการถึงตอนจบเอาเอง

ในชีวิตของเรามีหลายช่วงต่อหลายช่วงที่เราคิดว่าเรารักใครสักคนมากมายเหลือเกิน
และหลายต่อหลายครั้งที่ความรักของเราก็ต้องการความรักตอบกลับมา
หลายคนฟูมฟายกับโชคชะตาว่ารักที่ไม่ได้รักตอบคือการสูญเวลาเปล่า...

แต่มีหลายต่อหลายคน...ที่ดีใจกับโชคชะตาที่เกิดมาสักครั้ง
แต่ยังได้รักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ...

ทุกอย่างในชีวิตมีทางเลือก...ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกทางไหน...หรือ
คุณจะเลือกหรือไม่?คุณจะเลือกทางไหน

...เปิดประตูรับความรักเข้ามาเพื่อเติมความอบอุ่นให้กับหัวใจแม้เพียงช่วงหนึ่งของชีวิต...
หรือจะมัวแต่ฟูมฟายโทษตัวเองกับความรักที่ให้ไปแต่ไม่ได้รักตอบ...??
...ทางเลือกเป็นของคุณ...
 

ความรักกับความผูกพันธ์


ความรักกับความผูกพันธ์






มีหลายคนที่สับสนกับคำสองคำนี้
ความรัก กับ ความผูกพันธ์ มันคืออะไรนะ ต่างกันอย่างไร
ความรัก กับ ความผูกพันธ์ เหมือนกันมั้ยนะ
ถ้าไม่มีความผูกพันธ์ก็เกิดความรักได้นี่นา
แต่ถ้าเกิดความรักแล้วไม่มีความผูกพันธ์ล่ะ
จะเป็นไปได้รึเปล่านะ

สำหรับเรา ความรักกับความผูกพันธ์ไม่เหมือนกัน
มันแตกต่างกัน
ความรักเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกที่ ทุกเวลา
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน กับใครก็ตาม
บางครั้งเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว และไม่สามารถตอบได้
ความรักคือการให้ การทุ่มเท การให้ความรู้สึกดีๆ
ให้สิ่งที่เกินพอสำหรับใครซักคนที่เรารัก
การทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข
จนเหมือนกับว่าคนๆ นั้นเป็นคนที่พิเศษกว่าคนอื่น
(ซึ่งจริงๆ แล้วก็ใช่)
ความรักจึงเป็นการทำเพื่อคนๆ หนึ่ง ซึ่งไม่ว่าเมื่อไหร่ เวลาไหน
สำหรับคนที่เรารัก ความคิดถึง ความเป็นห่วงจะเกิดขึ้นตลอดเวลา
เราจะห่วงว่าเขาไปที่ไหน ไปกับใคร
ความรัก เกิดขึ้นได้แม้เพียงพบกันแค่นาที
แค่เห็นหน้าเพียงครั้งแรก ครั้งเดียว
ความรักไม่จำเป็นต้องใช้เวลา
แต่การจะทำให้ความรักคงอยู่ หรือเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
นั่นต่างหาก
เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และนำความผูกพันธ์ใส่ลงไป
เพราะความผูกพันธ์เป็นสิ่งที่ทำให้คนสองคนได้รู้จักกันมากขึ้น

เป็นช่วงเวลาที่ทำให้คนสองคนปรับตัวเข้าหากัน
ความรักจะคงอยู่ได้ หากความผูกพันธ์เกิดขึ้น

ความผูกพันธ์นั้นต่างกับความรัก
เพราะการผูกพันธ์กับใครซักคน ไม่จำเป็นที่เราจะต้องรัก
สำหรับความผูกพันธ์ มันคือความรู้สึกคิดถึง
ช่วงเวลาหนึ่งที่เคยเกิดขึ้น การที่เราคิดถึงคนๆ หนึ่ง
เวลาที่เราจากกัน เวลาที่ไม่ได้พบ ไม่ได้พูดคุย นั่นไม่ใช่ความรัก
เราไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อเค้า
เราไม่ได้ต้องการให้สิ่งใดกับเค้า
ไม่ได้ห่วงว่าเขาจะไปกับใคร เมื่อไหร่ หรือที่ไหน
แต่เราเพียงแค่คิดถึง ความทรงจำที่ดี เวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน
ดังนั้น ความผูกพันธ์จึงเป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการใช้เวลา

มันเป็นความทรงจำ เป็นความรู้สึก และไม่ใช่ความรัก
เพราะเกิดได้กับทุกคน กับเพื่อน พี่ น้อง
หรืออาจเป็นใครก็ตามที่ครั้งหนึ่ง เคยใช้เวลาอยู่ร่วมกัน

มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความคิดถึง
และเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดความรักนั่นเอง
ทั้งความรักและความผูกพันธ์ เป็นสิ่งที่ควรมีอยู่ร่วมกัน
ถึงแม้ว่ามันจะแตกต่างกันก็ตาม สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่า
เราจะแยกมันออกจากกันได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง
ว่าอันไหนคือความรัก
อันไหนคือความผูกพันธ์
เพราะจริงๆ แล้วมันแทบจะไม่ต่างกันเลย
เพราะทั้ง 2 สิ่งควรจะมีอยู่คู่กัน

ปัญหาของความรักกับความผูกพันธ์อยู่ตรงที่
บางคนไม่สามารถแยกได้ว่า
ความรัก กับ ความผูกพันธ์ ต่างกันตรงไหน
ความสับสน ความลังเล จะเกิดขึ้น
ถ้าหากวันนึง คุณรักใครซักคน และมีความผูกพันธ์กับใครอีกคน
คุณจะตอบตัวเองได้หรือเปล่าว่า
คุณจะเลือกใคร หากคุณคิดว่า
คนที่คุณผูกพันธ์คือคนที่คุณไม่สามารถลืมเค้าได้
และคนที่คุณรัก คุณก็ไม่สามารถเลิกรักเค้าได้เช่นกัน
จำไว้ว่า…
จงเลือกคนที่หัวใจของคุณต้องการ อย่าใช้คำว่าถูกหรือผิด
เพราะมันใช้กับความรักไม่ได้
แต่จงใช้หัวใจของคุณเอง
หากคุณต้องการค้นหาใครซักคนที่จะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต
 

จดหมายถึงความรัก


จดหมายถึงความรัก


http://www.bloggang.com/data/aeytaxi/picture/1228421354.jpg

สวัสดี….ความรัก
ความจริงการเขียนจดหมายถึงเธอ
ก็เปรียบเหมือนเขียนจดหมายถึงคนที่ไม่รู้จักกันดีนัก
โดยเฉพาะกับเธอด้วยแล้ว เวลาเห็นจดหมายฉบับนี้ก็คงงงมากเลย
แน่นอนแหละ ก็เธอไม่เคยแม้แต่จะแวะมาทักทายกับฉันเลยนี่
ผิดกับฉัน....ที่เฝ้าวิ่งตามเธอเพื่อหวังที่จะได้ทำความรู้จักกับเธอสักครั้งหนึ่ง
ก็มีแต่เธอนั่นแหละที่เหมือนจะวิ่งหนีฉัน
ไม่ยอมแม้กระทั่งหันมามามองคนอย่างฉันเลย
ฉันเหนื่อยมากนะกับการวิ่งตามเธอ
เหนื่อย...จนบางครั้งอยากจะหยุด
หยุด...เพียงเพื่อหวังว่าเธอจะหันมาเห็นใจคนอย่างฉันบ้าง…......
...........แต่เปล่าเลย เธอกลับวางเฉย ไม่สนใจฉันเหมือนเคย............
ฉันจึงได้รู้จักเธอแต่เพียงฝ่ายเดียว
ฉันไม่เข้าใจเธอเลย ทำไม...เธอจึงเมินเฉยกับฉันนัก
ฉันจำได้ว่า ฉันไม่เคยมองเธอในแง่ลบเลย
ฉันมองเธอด้วยความชื่นชมเสมอ
เธอคือสิ่งสวยงามที่สุด ที่ใครๆ ก็อยากได้รู้จักกับเธอ
มีหลายต่อหลายคนได้รู้จักกับเธอ
คนเหล่านั้นพูดถึงเธอไว้มากมาย
..... บ้างก็ว่าเธอช่างแสนดี ทำให้ชีวิตของเค้ามีค่า
.....แต่บางคนก็ว่าเธอคือสิ่งที่ทำลายชีวิตเค้าทั้งชีวิต
ฉันไม่เคยเชื่อใคร.........
ฉันรอว่าสักวันหนึ่งฉันจะต้องรู้จักกับเธอด้วยตนเองให้ได้
มีบางครั้ง....ที่ฉันได้เข้าใกล้เธอ
แต่นั่น....ก็เป็นเพียงฉันคิดไปเองเท่านั้น
คิดว่าเธอหยุดรอฉัน ........
เปล่าเลยเธอยังคงห่างไกลจากฉันอยู่......เหลือเกิน
บางทีฉันก็แปลกใจนะ ........
ว่าทำไมกับคนที่เห็นความสำคัญของความรักอย่างฉัน
เธอกลับทำเหมือนมองไม่เห็น มองข้ามอยู่ตลอดเวลา
แต่กับคนบางคนที่เค้าไม่อยากแม้แต่จะหยุดทักทายเธอ ทำความรู้จักกับเธอ
เธอกลับอยากรู้จักกับเค้านักหนา พยายามให้เค้าได้รู้จักในตัวตนของเธอ
ซ้ำบางครั้งเค้าเอ่ยปากไล่เธอไปให้พ้น ..... แต่เธอก็คงอยู่กับเค้า
ยังคงให้ความสนิทสนมกับเค้าครั้งแล้ว...ครั้งเล่า
….......แต่กับฉันเธอกลับวางเฉยได้อย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ เลย
ฉันมันไม่คู่ควรได้รู้จักกับเธอ….....
ฉันอยากรู้จริงๆ เลยว่าเธอใช้อะไรเป็นเครื่องวัดล่ะ
ว่าใครควรได้รู้จักกับเธอ
แล้วฉันคนนี้ล่ะ....จะต้องทำอะไร....อีกสักเท่าไหร่
ฉันจะต้องวิ่งตามเธออีกนานแค่ไหน
ฉันน่ะไม่หวังที่จะได้คำตอบจากเธอหรอก
เพียงแค่อยากจะบอกให้เธอรู้ไว้เท่านั้นเอง ว่า….
ยังมีคนอีกคนหนึ่งนะที่เฝ้าจะได้รู้จักกับเธอ
ก็แค่เตือนเธอเท่านั้นเอง
เผื่อบางทีในบัญชีรายชื่อของเธออาจจะตกชื่อของฉันไปก็ได้นะ
อยากรู้จักกับเธอมากที่สุด

ปล.วันได้ที่ฉันหยุดวิ่งตามเธอ หวังไว้เธอคงหันมาสนใจทักทายฉันบ้าง
และวันใดที่ฉันได้รู้จักกับเธอ
วันนั้นฉันจะเขียนจดหมายพร้อมของขวัญกล่องใหญ่ไปให้นะจ๊ะ
จากคนที่เฝ้อคอย..................ความรัก
 

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ความรัก พูดกันไม่มีวันจบสิ้น


ความรัก พูดกันไม่มีวันจบสิ้น



http://www.igetweb.com/www/social/news/52622.jpg

เพราะรักในแบบของใคร ก็เป็นแบบของมันไม่มีแบบแผนตายตัว

อย่าฝืนใจรัก ถ้ามันไม่ใช่ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคบใครสักคนเพียงเพราะ อยากจะมีใครสักคน

อย่าชิงสุกก่อนห่าม เพราะผู้ชายที่ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นเพื่อถนอมหญิงที่รัก
แสดงว่าเขาไม่ได้รักคุณหรอก เค้ารักตัวเองมากกว่า

อย่าเปลี่ยนตัวเองเพียงเพื่อให้เขามารัก เพราะจะทำได้ไม่นาน
วันนึงคุณจะรู้สึกเหนื่อยเพราะความรัก ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง

อย่าหลงในรสชาติของความรัก เสียจนลืมชีวิตประจำวันของตัวเอง หรือสูญเสียความเป็นส่วนตัว

คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณโดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเลย
คนที่พร้อมจะเดินหน้าเมื่อคุณเดินหน้า
คนที่พร้อมจะถอยหลังไปกับคุณ
คนที่ไม่ยอมให้คุณเดินตามหลัง ขอเพียงเดินเคียงข้างหรือนำหน้า
คนที่ไม่บังคับให้คุณ ทำอะไรในแบบที่คุณไม่ชอบ
คนที่ไว้ใจ ให้อภัย ให้โอกาส ซื่อสัตย์ และให้เกียรติ คุณ
...นั่นแหล่ะ คือคนที่รักคุณจริง.....
จงถนอมคนเหล่านี้ไว้ อย่าปล่อยให้เขาไปจากคุณ..
เพราะคุณจะเสียใจหากเขาเปลี่ยนไปหยิบยื่นความโชคดี
ที่ควรจะเป็นของคุณไปให้คนอื่น

คนที่รักคนที่เปลือกนอกมีอยู่เยอะเหลือเกิน.
ชีวิตคนคนนึงจะมีคนที่รักคุณจริงผ่านมาสักกี่คน
ใครที่บอกว่ารักคุณ แล้วพยายามจะเปลี่ยนคุณ ดึงคุณให้เดินตามทางของเขา
เขาไม่ได้รักคุณจริงหรอก...เขารักตัวเอง
จงเชื่อในพรหมลิขิต
จงเชื่อในเหตุการณ์ที่นำพาความรักมาให้
จงเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีเส้นขนาน
อย่าบอกว่าไม่รัก ถ้าไม่สามารถสบตาเขาอย่างบริสุทธิ์ใจได้
อย่าบอกว่ารัก ถ้าคุณไม่รู้สึกวูบวาบเวลาอยู่ใกล้ๆ
อย่าบอกว่าไม่คิดถึง ถ้า หัวใจไม่อาจลืม
อย่าบอกว่าคิดถึง ถ้า เพิ่งจากกันไม่ถึง 1 นาที
อย่าทิ้งหัวใจของคุณไว้กับอดีต
อย่าคิดว่าอดีตไม่มีวันหวนคืน
อย่าคิดว่าไม่มีพรุ่งนี้
อย่าลืมบทเรียนของเมื่อวาน
ทุกชีวิตยังมีความหวังอยู่เสมอ

จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินต่อไป..วันนึงถ้าชีวิตหวนคืนมาสู่ทางสายเก่าที่เคยทำให้

คุณมีความสุขระหว่างเดินทางในแต่ละก้าว..จงอย่าเดินเลี่ยงมันไปอีก
เพราะน้อยนักที่ถนนสายเดิมยังคงสภาพเดิมเพื่อรอให้คุณเดินย้อนกลับมา..
ลองเดินต่อไปสิ..บางทีคุณอาจจะเจอจุดหมายที่คุณค้นหามาตลอดชีวิต
ในเส้นทางที่คุณเคยเดินเลี่ยงมันไปก็ได้...

ลมหายใจกับคนพิเศษ


ลมหายใจกับคนพิเศษ


http://fc05.deviantart.com/fs29/i/2008/137/f/7/My_End_of_Loneliness_by_cat_woman_amy.jpg


การที่เรามองข้ามคนที่พิเศษที่สุดของเราไป ก็เท่ากับว่าเราดูถูกเค้า และกว่าที่เราจะรู้ตัวว่าเราได้ทำร้ายจิตใจของคนๆ นั้น
บางที คนพิเศษสุดคนนั้นของคุณ เค้าก็อาจจะจากคุณไปไกลแสนไกล

อยากจะขอถามทุกคนที่อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้ว่า คุณจำได้ไม๊ ว่าเมื่อปีที่แล้วทั้งปี คุณหายใจเข้าและออกกี่รอบ?
จำได้หรือป่าว? งั้นจะขอถามใหม่ คุณจำได้ไม๊ เมื่อเดือนที่แล้วทั้งเดือน คุณหายใจเข้าและออกกี่รอบ? จำได้หรือป่าว?
คงจะจำไม่ได้ซินะ งั้นจะขอถามใหม่อีกครั้ง คุณจำได้ไม๊ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณหายใจเข้าออกทั้งหมด กี่รอบ?
ผมว่าคุณก็คงจะจำไม่ได้เหมือนเดิม คำถามต่อไป ก็คงจะเหมือนเดิม เมื่อวานนี้ คุณหายใจเข้าออกกี่รอบ?
ผมจะไม่รอฟังคำตอบ และจะไม่ถามคำถามต่อไป เพราะถึงถามต่อ คำตอบก็คงจะเป็นเช่นเดิม คือ "จำไม่ได้"

แปลกนะ ทั้งที่ลมหายใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกใบนี้ แต่กลับไม่มีใครจำได้เลยแม้แต่คนเดียวว่าเคยหายใจไปแล้วกี่ครั้ง

...เพราะอะไร???...

ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยเห็นความสำคัญของมันเลย
เราไม่เคยต้องยากลำบากเลย ที่จะได้หายใจเข้าและออกเราไม่เคยต้องกระเสือกกระสนที่จะได้หายใจในแต่ละครั้ง

...แต่ถ้าเป็นวินาทีสุดท้ายในชีวิตของคุณล่ะ???...

คุณหรืออาจจะเป็นญาติมิตรของคุณ อาจจะอ้อนวอนขอกับพระเจ้า ขอให้ท่านประทานลมหายใจอีกซักครั้งให้กับคุณ
เพื่อจะยืดเวลาให้กับคุณแม้วินาทีเดียว วินาทีที่มีค่ายิ่ง ทุกๆ คนที่อยู่รอบตัวคุณ จะเฝ้าภาวนาขออย่าให้การหายใจในแต่ละครั้ง
เป็นครั้งสุดท้ายของคุณเลย

มันเป็นสิ่งมีค่าและมีความหมายที่สุด ที่ถูกมองข้ามไป และเมื่อวันนั้นมาถึง วันที่มันเดินจากคุณไป มันอาจจะหันหลังกลับมา
มองคุณแล้วยิ้มที่มุมปาก หัวเราะ และสมน้ำหน้า แล้วมันจะบอกว่า "ที่นี้รู้หรือยัง ว่าฉันสำคัญต่อนายมากเพียงใด ทุกครั้งที่นายหายใจ นายทำเหมือนกับว่า ฉันเป็นเพียงแค่ทาสผู้รับใช้
เมื่อวันนี้มาถึง ฉันก็ทำได้แค่ หัวเราะ ในความโง่เขลาของนาย"

ทุกคนก็คงจะมีคนที่พิเศษที่สุดในชีวิต คนที่สำคัญไม่แพ้ลมหายใจ หรืออาจจะสำคัญน้อยกว่า ในบางคน แค่ขอให้รู้ไว ้
เมื่อวันสุดท้ายมาถึง วันที่คนๆ นั้น ต้องจากคุณไป คุณจะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ อย่างน้อยๆ ก่อนที่เวลานั้นมาถึง

...อยากจะให้คุณดูแลคนๆ นั้นให้ดี..
...บางสิ่งที่หายไป อาจได้คืนมาราวปาฏิหารย์...
...แต่ถ้าหากคุณทิ้งขว้างไป โอกาสจะได้คืนมาคงยาก...

ไม่แน่นะ...คนที่พิเศษสุดคนนั้นของคุณ...เค้าอาจจจะมีคุณเป็นคนที่พิเศษที่สุดก็ได้นะ
 

ความรัก... ก้าวเดิน


ความรัก... ก้าวเดิน



“ความรัก” ของคนเรา ก็มีเท้าเดินเหมือนกัน
เมื่อแรกเริ่ม . . . ความรักก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เพราะ . . . อยากจะถึงจุดหมายที่หวังไว้


คือ . . . ใครคนหนึ่งที่เรารู้สึกดีๆด้วย
เมื่อสมหวังแล้วความรักก็เดินไปเรื่อยๆ
. . . ไม่ต้องก้าวยาวและเร็ว
. . . เดินไปตามปกติและก้าวต่อไปเรื่อยๆ
. . . ในช่วงนี้ถ้าเดินเร็วไปอาจจะเจอหลุมและสะดุดได้
ก็คงจะต้องเดิน . . . อย่างระมัดระวัง
. . . และก้าวให้ได้จังหวะ . . . ที่เหมาะสม


แต่เมื่อถึงเวลา . . . ที่ความรักผิดหวังหรือจบลง
ความรัก . . . ก็จะเดินช้าลง
บางทีอาจจะช้า . . . ช้าจนเหมือนเราเดินถอยหลัง

เหมือนกับ . . . คนที่หกล้มแล้วขาเจ็บ
จะเดินไม่ถนัดนัก . . . ต้องรอเวลาเพื่อรักษาให้แผลที่เกิดจากการหกล้มหาย
แล้วค่อยก้าวเดินต่อไป . . . อย่างปกติ



ความรักก็มี step ในการก้าวเดินไปอย่างนี้เรื่อยๆ
ช้าบ้าง . . . เร็วบ้าง จนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่เราได้เจอคนที่ใช่จริงๆ
วันนั้น . . . ความรักคงเดินต่อไปได้เรื่อยๆ

ถึงจะหกล้มบ้าง ตกหลุมบ้าง
แต่ . . . ก็ยังมีคนที่คอยประคอง คอยเดินไปด้วยกัน
ไม่ใช่หกล้มแล้ว . . . ต้องลุกเดินต่อด้วยตัวเองอีกต่อไป


เมื่อความรัก . . . ก้าวเดิน
เราจึงต้องก้าวตาม . . . อย่างระมัดระวัง
จะหกล้มบ้าง จะสะดุดบ้างก็ต้องพยายามลุกขึ้น
. . . และกลับมาเดินต่อไป ให้ได้ . . .

เทคนิคมองโลกในแง่ดี


เทคนิคมองโลกในแง่ดี


Image

คนไทยสมัยนี้เครียดกันง่ายจัง วันๆ หนึ่งต้องพบกับความทุกข์ใจ ไม่สบายใจ กังวลใจ กันหลายๆ ครั้ง ไม่ เหมือนกับคนไทยสมัยโบราณที่กว่าจะเกิดความเครียดขึ้นมาได้ โน่น..ต้องมีเสือบุกเข้ามากินวัว โจรบุกเข้ามาปล้น ถึงจะเกิดความเครียดกันทีหนึ่ง เรียกว่าวันๆ หนึ่งแทบจะไม่รู้จักความเครียดกันเลย ใบหน้าคนไทยสมัยก่อนจึงมีแต่รอยยิ้ม พวกฝรั่งซึ่งเป็นคนมาจากวัฒนธรรมอื่นมาเห็นเข้าพากันแปลกใจว่าทำไมคนไทย อารมณ์ดีกันจัง ก็เลยตั้งชื่อว่าให้ว่า "สยามเมืองยิ้ม"
นอก จากนี้คนไทยยังมีวิธีคิดที่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ให้รู้จักคิดปล่อยวาง คิดให้สบายใจ ในยามที่ต้องพบกับปัญหาหนักๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเหลือร่องรอยวิธีคิดเหล่านี้อยู่ในนิสัยคนไทยทั่วๆ ไปบ้าง แต่บางคนก็ลืมไปแล้ว หรือคนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก วันนี้เครือข่ายฯจึงขอนำวิธีคิดเหล่านี้นำมาปรับปรุงแก้ไขให้มีความเป็นพุทธ และ ให้มีความทันสมัย เหมาะกับคนยุคปัจจุบันมากขึ้น นำเสนอเป็นเทคนิควิธีคิดมองโลกในแง่ดีสำหรับคนยุคไอที ดังต่อไปนี้

ยามพบอุปสรรคในการทำงาน
ไม่ เป็นไร..เอาใหม่ : คำพูดนี้สำคัญมากครับ เอาไว้ใช้อุทาน เวลาท่านต้องประสบกับปัญหาความล้มเหลวในการทำงานหรือ เจอข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน หรือ เวลาเพื่อนร่วมงานทำงานผิดพลาด คำพูดนี้จะเป็นเครื่องปลอบใจและให้กำลังใจได้เป็นอย่างดี คำว่า "ไม่เป็นไร" เป็นคำที่ทำให้จิตใจปล่อยวางจากปัญหา ไม่ถูกบีบคั้นจากปัญหา คำว่า "เอาใหม่" เป็น คำพูดที่ปลุกคุณธรรมข้อ "วิริยะ" แปลว่า เพียรสู้งาน ปลุกใจให้เราคิดสู้ปัญหา ไม่ท้อถอย

ยามพบกับเหตุการณ์ร้ายที่ไม่พึงปรารถนา
โชคดีนะเนี่ย : ไม่ว่าคุณเจอะเจอกับความทุกข์กายทุกข์ใจอะไรในชีวิตประจำวัน ให้คิดเสียว่าสิ่งเลวร้ายที่เราต้องประสบทุกๆ ครั้ง มันไม่ได้ร้ายกาจจนถึงที่สุดแม้สักอย่างเดียว มันเป็นความ"โชคดี"ของเราจริงๆ ที่ไม่เจอหนักกว่านี้
ยกตัวอย่าง
เดินหัวชนเสาหัวปูด อุทานว่า "อูย ! ..โชคดีนะเรา หัวยังไม่แตก" 
โดนตัดเงินเดือน พูดกับตัวเองว่า "เขาไม่ไล่เราออก ก็บุญแล้ว ถือว่ายังโชคดีนะเนี่ย" 
ทำกาแฟร้อนๆ หกรดขากางเกง พูดกับตัวเองว่า "เหอ..ๆ โชคดี ที่มันไม่หกรดเป้ากางเกงเรา"

ยามมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
เขา ยังดีนะ : เวลาคุณมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ เช่นเพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน ฯลฯ เช่น บางคนอาจจะทำงานไม่ถูกใจ บางคนอาจจะทำอะไรผิดใจคุณ หรือ บางคนอาจจะมีเจตนาไม่ดีกับคุณ ให้คิดเช่นเดียวกันว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันก็ยัง ไม่ได้ร้ายกาจถึงที่สุดกับคุณแต่อย่างใด มันยังมีแง่ดีๆ ให้เราคิดถึงเขาอยู่เสมอ
ยกตัวอย่าง
คนข้างบ้านนินทาเรา เราก็บอกกับตัวเองว่า โอ้... นี่เขายังดีนะที่ไม่ถึงกับมาดักทำร้ายเรา 
มีคนมาขโมยปากกาที่โต๊ะทำงานเราไป เราก็คิดว่า เจ้าขโมยนี่ยังดี ที่ไม่ยกเครื่องคอมพ์เราไป 
สาวหักอก เราก็คิดว่า เธอยังดีนะเนี่ย ที่ไม่ควงคู่แข่งมาเย้ยเราให้เจ็บใจหนักไปกว่านี้ 
เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ เราก็คิดว่า เขาก็ยังดีที่ไม่ใส่ร้ายป้ายสีเราข้างหลัง

เทคนิคคิดเมื่อเจอปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
เอ๊ะ...! ตรงนี้เราได้อะไร : เป็นการตั้งคำถามเพื่อให้จิตตั้งแง่คิดเพื่อมุ่งหาความรู้ทันทีที่ได้พบกับ ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น นาย ก. เดินตกท่อ ขาแข้งถลอก นาย ก. ทั้งๆ ที่เจ็บปวด กลับตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า เราเดินตกท่อตรงนี้ เราได้อะไร ! เท่านั้นเองคำตอบต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมามากมาย อาทิเช่น
ก. เราได้ดูแลรักษาตัวเองอีกแล้วดีจัง ไม่ได้ดูแลตัวเองมานาน 
ข. เราได้บทเรียนซาบซึ้งกับคำว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง" 
(เคยเดินมาดีๆ ทุกวัน วันนี้ใครกันดันมาเปิดฝาท่อ)
ค. มันทำให้เราได้ไอเดียเกี่ยวการทาแถบสีสะท้อนแสงตรงขอบท่อ เพื่อคนจะได้สังเกตเห็นได้แต่ไกลๆ
วิธี คิดเช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกเลยว่า ชีวิตนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย คือ แม้ว่าเราจะพบกับสิ่งที่ไม่น่าพึงปรารถนาก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักตั้งคำถามเช่นนี้เป็นนิสัย เราก็จะได้สิ่งที่ดีๆ มากมายจนบางครั้งเราอาจจะต้องนึกขอบคุณที่ได้เจอกับปัญหาบ่อยๆ เลยทีเดียว
ยัง มีวิธีคิดมองโลกในแง่ดีอีกมากมายหลายวิธี ซึ่งเครือข่ายชาวพุทธกำลังค้นคว้าหาข้อมูลจากพระไตรปิฎก เพื่อประยุกต์เป็นวิธีคิดนำมาเสนอท่านโอกาสต่อไป อย่าลืมติดตามตอนที่ ๒ เร็วๆ นี้นะครับ สวัสดี