วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เรื่องราวของเศรษฐี การสูญเสียเพื่อที่จะได้รับ

เรื่องราวของเศรษฐี การสูญเสียเพื่อที่จะได้รับ



     เรื่องมันเริ่มต้นอยู่ว่าเมื่อเศรษฐีคนหนึ่งต้องสูญเสียเงินทองทั้งหมดไปกับการค้าการลงทุน เขาจึงต้องขายบ้านขายทุกสิ่งที่เป็นของตนจนหมดไปแต่ก็ยังใช้หนี้สินไม่พอ ในช่วงเวลาแห่งความยากจนอันแสนทรมารนั้น เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวมีเพียงหมาแสนรักร่วมชะตากรรมชีวิตกับเขา

     ในคืนที่หิมะตกหนัก เขาเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขาต้องหลบหิมะในกระท่อมแล้วใช้ไม้ขีดไฟจุดไฟขึ้นเพื่ออ่านหนังสือ แต่แล้วบังเอิญมีลมพัดมาทำให้ไฟดับ ทำให้รอบข้างกายเขามีแต่ความมืดมิดและความหนาว อดีตเศษฐีตกอยู่ในความมืดมิดและเดียวดายทำให้รู้สึกสิ้นหวังแว๊บเข้ามาถึงกับจะฆ่าตัวตาย แต่เขายังดีที่มีหมาคู่ใจอยู่เคียงข้างคอยเป็นเพื่อนจึงได้แต่ถอนใจแล้วข่มตาหลับ

      เช้าวันรุ่งขึ้นเขาพบว่าหมาของเขาถูกฆ่าตายอยู่หน้ากระท่อม เขาก็มีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตายอีกครั้งเนื่องจากไม่ต้องมีอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว เขาจึงกวาดตามองสรรพสิงบนโลกนี้เป็นครั้งสุดท้าย

     เขาพบว่าทั้งหมู่บ้านเงียบจนน่ากลัว เมื่อเดินออกไปเรื่อยๆเขาพบว่าคนในหมู่บ้านถูกฆ่าตายหมด ทำให้เขาเดาได้ว่ามีโจรมาบุกปล้นเมื่อคืนและถูฆ่าตายทุกคนอดีตเศษฐีจึงคิดได้ว่า เขาเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของที่นี่ถือว่าประเสริฐนักจึงควรมีชีวิตต่อไป แม้เขาจะเสียหมาที่เป็นเพื่อนไป แต่ก็ได้ชีวิตกลับคืนมา นี้คือสิ่งทดแทนอันล้ำค่าที่สุด The End

หนังสือพิมพ์ ข่าวแห่งยุคอนาล็อค

หนังสือพิมพ์ ข่าวแห่งยุคอนาล็อค



      หนังสือพิมพ์คือสิ่งพิมพ์ที่เสนอข่าวและการเคลื่อนไหวใหม่ๆไม่ว่าจะเป็นไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกประเทศ มีการกำหนดการออกตายตัว ส่วนใหญ่จะออกเป็นรายวัน

      ประวัติของหนังสือพิมพ์มีมาเมื่อ60ปีก่อนของศริสต์ศักราช ยุคอนาจักรโรมันที่อารยธรรมเจริญแล้วโดยจักรพรรดิจูเรียจซีซาร์บัญชาให้อาลักษณ์คัดลอกแถลงการณ์ของพระองค์ รวมถึงข่าวประจำวันของราชการแล้วนำไปปิดไว้ตามกำแพงในที่ชุมชนเพื่อชุมชนได้อ่านทั่วถึงใบประกาศนั้นเรียกว่า  แอ็กตา ดิอูนา  นับว่าเป็นต้นแบบของหนังสือพิมพ์ ขณะทางตะวันออก ในประเทศจีนได้กำเนิด หนังสือพิมพ์ซิงเปาตั้งแต่ พ.ศ. 1043

      โดยเดลินิวส์วิฒนาการของหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย เริมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่3เป็นหนังสือพิมพ์ข่าวรายปักษ์ชื่อ บางกอกรีคอร์เดอร์ มีอายุได้ไม่เกิน2ปีก็ปิดกิจการลง

      ต่อมารัชกาลที่4ทรงเป็นผู้จัดทำหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยชื่อ ราชกิจจานุเบกษาเพื่อชีแจงข่าวคลาดเคลื่อนที่ตีพิมพ์ของหนังสือหมอรัดเลย์ และเพื่อแจ้งข่าวการบริหารทางราชกิจทางการเมือง

      ต่อมารัชกาลที่5เริมมีหนังสือพิมพ์ภาษาไทยฉบับแรกเพื่อเผยแพร่สู่ประชาชนชื่อ ดรุโนวาท เป็นยุคที่หนังสือพิมพ์ตื่นตัวมากที่สุดโดยมีการออกหนังสือพิมพ์59ฉบับ

       สมัยรัชกาลที่6ยุคหนังสือพิมพ์ก้าวหน้ามากไปจนถึงรัชกาลที่7 มีหนังสือพิมพ์ถึง55ฉบับ มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุดชื่อ หนังสือพิมพ์ประชาชาติ

      ต่อมาสมัยรัชกาลที่8จนถึงปัจจุบัน หนังสือพิมพ์เริมถูกควบคุมโดยรัฐบาล ในยุคนี้มีหนังสือพิมพ์31ฉบับเช่น  หนังสือพิมพ์เกียรติศักดิ์ (2495-2513) เดลินิวส์ (2507-ปัจุจบัน) เดลิเมย์ (2493-2501) ไทยรัฐ (2492-ปัจจุบัน) ไทยเดลี่ (2512) แนวหน้า (2495-2506) ประชาธิปไตย (2502) พิมพ์ไทย (2489) สยามนิกร (2481-2512) สารเสรี (2497-2508) สยามรัฐ (2493) เสียงอ่างทอง (2500-2507) และหนังสือพิมพ์อณาจักรไทย (2501-2504) เป็นต้น

บิกินี่ แฟชั้นสยิวกิ้วของสาวๆ

บิกินี่ แฟชั้นสยิวกิ้วของสาวๆ


      จุดเริมต้นของบิกินี้เกิดเมื่อ 5 กรกฎาคม เมื่อ60ปีที่แล้ว ที่ฝรั่งเศสโดยวิศวกรช่างกลคนนึง เผยชุดว่ายน้ำที่เขาออกแบบใหม่มาชื่อ บิกินี่ ที่ใครเห็นร้อง โอ้ววววว อ้าวววววว เพราะว่าไม่เคยเห็นสาวนุ่งเสื้อผ้าตัวจิ๋ว โชว์พุงโชว์สะดือ เนื้อหนังมากมายในสาถารณะมาก่อนในชีวิต สาวๆช็อค ไม่กล้าใส่ยกเว้นสาวฝรั่งเศสกลุ่มนึงเท่านั้น

      โดยสาวๆกว่าจะยอมใส่ชุดว่ายน้ำที่คุณ Louis Reard วิศวกรที่ว่าออกแบบมาก็เกือบ20ปีให้หลังโน้นแล้วตอนฮอลลี่วูดทำหนังโชว์ดาราสวยๆ อย่างหนัง เจมส์ บอนด์ หรือหนังสือของเพลย์บอยที่ไม่ยอมน้อยหน้าขึ้นปกนางแบบที่ใส่ชุกบิกินี้ครั้งแรก ตามมากระชั้นชิด

      และแล้ว10กว่าปีต่อมาบิกินี่ก็หดเล็กลงน้อยชิ้นลง จนท่อนล่างเลิกปิดก้นได้ชื่อใหม่ว่า Thong และเิกิดความฮือฮาขึ้นอีกรอบ และก็มีจนถึงทุกวันนี้

พั้งค์และอีโม ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน

พั้งค์และอีโม ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน

     อีโมครับท่าน

     พั้งค์สวยครับ

อย่างที่เห็นนะครับว่ามันต่างกันแค่ไหน

โดยอีโมเนี่ยจะเป็นพวกชอบทำตัวเบื่อโลกครับชอบทำตัวคล้ายแวมไพร์คือจะเป็นพวกนอนดึก กลางคืนนี่คึกคื้นครับ แต่ตอนกลางวันนี่ยิ่งกว่าซอมบี้หรือผีดิบอีกครับ ที่บอกว่ากลางวันนี่ เพราะตอนเช้าพวกเค้านอนกันกันยันสายโน้นแหละครับพวกนี้เลยคล้ายพวกแวมไพร์หน่อย ชอบฟังเพลงแนวชีวิตบรรลัย เพื่อชีวิต หรือเพลงด่าเพลงอกหักครับ ชอบแต่งตัวรัดๆ แน้นสีโทนดำเป็นหลักครับ ไว้ผมหน้าหรือปิดหน้าผากไปเลย เจาะหูเจาะจมูกหรือปากเล็กน้อยพอเป็นพิธี โดยพวกที่เป็นส่วนใหญ่จะเป็นพวกคนเรียบร้อย พวกโลกส่วนตัวสูง พวกเบื่อโลก พวกแปลกแยก พวกเกย์ครับ

ส่วนพังค์นี่จะคล้ายๆพวกร็อคครับชอบทำตัวสนุกสนานเจี๊ยวจ้าวต่างจากพวกแวมไพร์คือคล้ายๆกระสือกระหังออกหากินครับ พวกนี้ชอบฟังเพลงแนวเมทัล หรือแนวร็อคครับ ชอบแต่งตัวพวกเสื้อหนังหรือเสื้อกั๊กหนัง ใส่ปลอกแขนปลอกคอมีหมุด แน้นโทนดำแดง ผมตั้งแหลมเหมือนหนามชี้โด่ชี้เด่ ส่วนเรื่อเจาะนี่เต็มไปทั่วเลยครับ โดยที่เป็นส่วนใหญ่ ก็เป็นพวกรักสนุก ชอบเสียงดังเฮฮา จิ๊กโก๋ นักเลงครับ

โลลิต้า จุดเริมต้นของโลลิคอน

โลลิต้า จุดเริมต้นของโลลิคอน



        คุณเคยได้ยินคำว่า โลลิ หรือ โลลิค่อน ไหม มันเป็นคำที่ใช้เรียกพวกที่แต่งตัวเหมือนเด็ก ชอบทำตัวเป็นเด็ก ชอบแฟชั่นเหมือนเด็ก ชอบคนที่อายุน้อยกว่า หรือมากกว่า หรือก็คือพวกรักเด็ก พวกรักต่างวัย ไม่ว่าจะเป็นชายหญิง โดยต้นกำเินิดคำเหล่านี้มาจากนวนิยายที่เขียนโดย วลาดิเมียร์ นาโบคอฟ โดยเรืองราวของเด็กสาวผู้มีความเจริญทางด้านเพศสัมพันธ์เกินวัยที่มีอายุระหว่างเก้าถึงสิบสี่ปี

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ดินแดนสุขาวดี เรื่องจริงหรือตำนานๆ

ดินแดนสุขาวดี  เรื่องจริงหรือตำนานๆ



      หญิงชราชาวจีนวัย 51 ปี ชื่อ นางฮีกีจั่น พำนักอยู่ที่วัดอั้งเชียงสีในสิงขโปร์ นางรับรักษาโรคของคนไข้ซึ่งแพทย์สมัยใหม่ไม่อาจรักษาได้แล้วและได้บูชาพระด้วยดอกไม้ธูปเทียนอยู่ตลอดมา

       ครั้นต่อมานางได้ถึงแก่กรรมเมื่อต้นปี2501นางสิ้นลมหายใจไปได้เพียง6วันก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเล่าให้ญาติฟังว่า เมื่อขณะร่างนางดับจิตนั้นก็รู้สึกตัวเบาลอยออกมาจากร่างขึ้นสู่เบื่องสูงสูงจนรอบตัวมองอะไรไม่เห็น ครู่นึงก็เห็นดวงแสงสว่าง 12ดวง ครั้งแรกเห็นเป็นดวงเล็กๆก็ค่อยๆสว่างขึ้น และก็ได้เห็นร่างอันอยู่ในแสงนั่งขัดสมาธิ นางตกใจมาก แล้วก็มีเสียงดังออกมาจากองค์ใหญ่ท่านนึงว่า

       นี่แนะนาง ข้าจะยืดเวลาให้เจ้าอยู่อีก3ปีเมื่อถึงเดือนมิถุนายน 2503 เจ้าจึงกลับมารับใช้ข้า

       นางฮีกีจั่นจึงเล่าเรื่องนี้ให้ใครต่อใครฟังทั่วกันพร้อมพูดว่า   ฉันไม่กลัวความตายหรอก เพราะเห็นแล้วว่า โลกเบื่องหน้าที่จะไปนั้นดีกว่าโลกมนุษย์อีก

      ท่านผู้รู้กล่าวกันว่าโลกที่นางไปคือ  แดนสุขาวดีอันเป็ภพที่ชาวพุทธศาสนิกชนฝ่ายมหายานใฝ่ฝันที่จะไปอยู่กันมากหลังจากที่จากลาโลกนี้ไปแล้ว

กำลังใจ......จากใครซักคน

กำลังใจ......จากใครซักคน



1.อย่าเป็นกังวลอะไรนักกับภาพลักษณ์  หรือสิ่งที่คนอื่นจะมองเราว่าเป็นอย่างไร
  จงทำในสิ่งที่เป็นตัวเราเองจริงๆแล้วพอใจกับมันเพื่อคาดหวังให้คนอื่นมองเราในแง่ดี
2.หนทางทางที่ดีที่สุดที่จะแก้ไขความทุกข์ในใจ
   คือพยายามหาอะไรทำให้ชีวิตยุ่งเหยิงเข้าไว้
3.ตื่น นอนตอนเช้าพร้อมกับแผนการดีๆในวันนั้นแล้วทำทุกอย่างอย่างใส่ใจ
    หลับตานอนพร้อมกับความสุขใจเพียงแค่นี้คุณก็ไม่มีเวลาจะไปนั่งอมทุกข์แล้วล่ะ
4.ในเมื่อสิ่งที่คาดหวังยังไม่เป็นไปตามที่มุ่งมาดปรารถนาเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้กับสิ่งเดิมๆ
    วลองเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ที่จะเป็นไปได้ง่ายกว่าและใกล้มือกว่าที่เคยหวัง
5.ความหวาดกลัวก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราจมอยู่กับความรู้สึกทุกข์เศร้าจงอย่ากลัว

คาดูเซอุส คทาแห่งเมอคิวรี่

คาดูเซอุส คทาแห่งเมอคิวรี่



    ในตำนานของเทพเจ้าเมอคิวรี่ เป็นเทพเจ้าแห่งดาวพุธ เป็นผู้ทรงคุณด้านการรักษา ในประวัติเล่าไว้ว่าเมอคิวรี่ได้ของวิเศษสามประการคือ หมวกวิเศษที่มีปีกเล็กๆติดอยู่ คทาที่มีปีกเล็กๆติด เช่นเดียวกับหมวกที่มีปีกเล็กๆติดอยู่ และมีเรื่องเล่าอยู่ว่าครั้งนึงขณะเมอคิวรี่กำลังเที่ยวเล่นอยู่ก็เห็นงูสังวาสกันอยู่ ด้วยความเล่นขี้ของเมอคิวรี่จึงเอาไม้เท้าไปสอดตรงกลางระหว่างงูทั้งปรากฏว่า ฤทธิ์อำนาจจากคทาทำให้งูสองติดคทาแล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของคทาไป

     คทาดังกล่าวมีอำนาจในกาลรักษาโรคบันดาลโรคร้ายให้หายไป เมอคิวรี่จึงถูกนับเป็นเทพแห่งกาลแพทย์ แล้าคทาคาดูเซอุส จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ทางการเเพทย์และยามาจนทุกวันนี้

ความปรารถนา สิ่งค้ำจุนแห่งชีวิต

ความปรารถนา สิ่งค้ำจุนแห่งชีวิต




        ความปรารถนาที่อยู่ที่ลึกสุดแห่งจิตใต้สำนึก  ทำให้ชีวิตของคนเรามีทางเลือกที่แตกต่างกัน บางคนปรารถนาที่จะมีทุกสิ่ง บางคนปรารถนาที่จะมีใครซักคน บางคนปรารถนาที่จะมีความสมบูรณ์แบบ บางคนปรารถนาที่จะยืนยาว บางคนปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนปรารถนาที่อยู่เหนือคนอื่น  คนเรามีทางให้เลือกที่แตกต่างกัน เพียงแต่พวกเราไม่รู้ว่าจะเริมต้นสิ่งที่จะทำให้เกิดความปรารถนาให้เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเรา  มันจะเริมยังไงให้เกิดยังไงก็เท่านั้นเอง   หากไร้เป้าหมายและความพยายาม

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เกลือมีความศักดิ์สิทธิ์

เกลือมีความศักดิ์สิทธิ์



     เกลือใช้ไล่ผีหรือสิ่งอัปมงคลได้ ชาวญี่ปุ่นนับถือเกลือมาก นิยมเอากลือมากองที่ธรณีประตูหน้าบ้านสักครึ้งช้อนโต๊ะ เขาเชื่อว่าจะชำระ ความไม่ดี ความชั่วร้ายออกไป  ก็แน่ละเกลือมันเค็มนี่

     นักมวยปล้ำซูโม่ก่อนลงปล้ำจะเอาเกลือสาดบนเวทีเพื่อไล้สิ่งเชื่อร้ายออกไป

      ชาวอินเดียนแดงนิยมใช้เกลือไล่ผีโดยซัดไปข้างหลัง

      คนไทยโบราณ หมอผีมักจะแสกข้าวสารกับเกลือซัดขับไล่ผีไล่วิญญาณร้ายที่เข้ามาสิงสู่ในสถานที่หรือ ในร่างกายคน

อาถรรพณ์หมายเลข13 ไม่ว่าชาติไหนๆก็มีความเชื่อ

อาถรรพณ์หมายเลข13 ไม่ว่าชาติไหนๆก็มีความเชื่อ



        เลข 13 เป็นเลขอาถรรพณ์มาแต่โบราณและยึดถือกันมานานตั้งแต่สมัยอียิป์และบาบิโลเนีย ล่วงมาสมัยคริสต์กาลก็ยิ่งเชื่อถือกันหนักยิ่งขี้น ด้วยพระจีรัสไครส์ ซึ้งเป็นพระบรมศาสดาของชาวคริสเตียน ได้ร่วมเสวยพระกระยาหาร ร่วมกับบรรดาอัครสาวก 1 คน รวมทั้งองค์ศาสดาด้วยเป็น 13 คนด้วยกันวันนั้นตรงกับวันศุกร์และเป็นที่ 13 ท่านมหาศาสดาเอกของโลก ก็ถูกทหารโรมันจับเอาไปตรึงไม้กางเขน จึงยึดถือ วันศุกร์ที่ 13 เป็นวันร้าย และเรียกว่า กู๊ดไฟรเดย์ เพื่อให้กลายเป็นดี

       และนี้คือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเลข 13 ดังนี้

1.ในภัตตาคารจะไม่จัดที่ไว้ 13 ที่ ถ้าจำเป็นจะต้องเกินไว้เป็น 14 ที่เพื่อแก้เคล็ด

2.โรงแรมทุกแห่งในยุโรป จะไม่มีหมายเลขห้องเป็นเลข 13เลยจะข้ามเลข13ไปซะ

3.นอตเครื่องยนต์กลไกทุกชนิด จะข้ามเลข 13 ไปหมดสิ้น หากว่ามีน็อตเบอร์13 เข้าไปเกี่ยวข้องจะทำให้เครื่องยนต์เสียในภายหลัง

4.ทางสแกนดิเนเวียในแถบเหนือของยุโรป มีเรื่อง เล่าถึงเล่าเทพผู้มีศักดิ์มาชุมนุม12องค์แต่เทพองค์ที่13นั้นเข้ามาร่วมโดยที่ไม่ได้รับเชิญงานเลี่ยงจบลงด้วยการรบราฆ่าฟัน และเทพเจ้าที่เสียชีวิตคือ บาลดูร์ เป็นที่รักใคร่ของมนุษย์และเทวดา ส่วนองค์ที่13นั้นเป็นเทพแห่งสงครามชื่อโลกิ

5.นักเดินเรือถือเลข13กันมากจะไม่ยอมออกเรือในวันที่13เป็นอันขาด

6.ในอิตาลี่ ตุรกี และอิหร่าน ยึดถือเลข13กันมาก ชาวตุรกีจะไม่ยอมพูดถึงมันด้วยซ้ำไป

7.ชาวคริสเตียนฝ่ายคาทอลิกถือว่าเลข13 เป็นของแม่มดพ่อมด หรือซาตานปีศาจ เป็นผีร้ายให้โทษ

8.ฝรั่งถือว่า วันที่13 ตรงกับวันศุกร์ว่า เนเว่อร์ ออน ไฟรเดย์ คือไม่ทำอะไรในวันศุกร์ที่13

9.บุคคลที่มีชื่อโดยนับสระและพยัญชนะได้ครบ13 จะเคราะร้าย เช่น นักดนตรีโมซาท ที่เกิดวันที่13ทำอะไรก็วันที่13แม้ตลอดชีวิตจะไม่เป็นไร แต่ตอนตายผู้คนไปฝังศพ ก็เกิดพายุหิมะรุนแรง ผู้คนจึงขุดหลุมฝังศพทันทีพอหิมะละลายก็ไม่มีใครจอหลุมฝังศพอีกเลย

10.ประติมากรเอกของไทยชื่อ แสวง สงฆ์มั่งมี เกิดวันที่13เคยร่วมปั้นอนุสาวรย์ใหญ่ๆมาหลายแห่งแล้วต่อมาได้ยิงตัวตายขณะอายุยังฉกรรจ์โดยที่ไม่มีสาเหตุ

11.เลขที่บ้านหรือรถยนต์ที่ขึ้นต้นด้วย1ลงท้ายด้วย3หรือบวกกันแล้วได้เลข13 มักจะมีเหตุมีเคราะห์เสมอ

เรื่องสั้นของสีสันแห่งชีวิต กับราชาอมตะ

สีสันแห่งชีวิต กับราชาอมตะ


กาลครั้งหนึ้งเมื่่อนานมาแล้ว

มีราชาอยู่องค์หนึ่ง

ผู้ซึ้งปรารถนาที่จะเห็นสีสันทั้งมวลในโลก

เขาจึงได้วาดรูปเหมือนตนขึ้นมา

แล้วฝากวิญญาณของตนไว้ในรูป

นับแต่นั้นเป็นต้นมา

พระองค์ก็กลายเป็นราชาผู้ไม่ตาย

หากมีชีวิตไม่สิ้นแล้วละก็

พระองค์ต้องได้เห็นสีสันทั้งหมดเป็นแน่

เมื่อพระองค์คิดได้ดังนั้น

พระองค์จึงออกผจญภัยไปทั่วโลก

ทรงใช้ชีวิตที่มีเวลาเหลือเฟือทุกรูปแบบ

ตั้งแต่สูงสุดจนต่ำสุด

แต่มิอาจเติมเต็มทุกความต้องการได้

จนกระทั่งพระองค์ได้พบกับความรัก

หญิงสาวที่เข้าใจและมีความรักให้แก่พระองค์อย่างลึกซึ้ง

เธอยอมรับพระองค์แม้ว่าจะรู้เรื่องความอมตะของพระองค์ก็ตาม

พระองค์จึงตรัสรู้

อา....ความรักนี่เองคือศูนย์รวมสีสันทั้งมวลบนโลก

ช่วงเวลาแห่งความสุขแสนบริบรูณ์

เมื่อรักนั้นเติมเต็มชีวิตเขา

ทว่า.....

เมื่อความตายพรากเธอไปจากพระองค์

สีสันของทั้งมวลพลันหม่นหมอง

แม้โศกศัลย์แทบมรณา

แต่.....ราชามิอาจตายได้

และพระองค์.....

ก็ได้พบกับสีสันทั้งมวลในวินาทีนั้นเอง

จะสุขหรือทุกข์

จะรักหรือชัง

แต่ทว่า.....

เมื่อผสมในจานสีที่เรียกว่า ชีวิต แล้ว

มันจะปนเปกันจนเป็นดำ

สีแห่งความตายอันสงบนิ่ง

แท้จริงแล้วสีสันทั้งมวลนั้นรวมอยู่ในความตายนี้เอง

เกิดมาแล้วต้องตาย

เมื่อคิดได้เช่นนั้น

ราชาจึงเผารูปของตนทิ้ง

แล้วนั้นคือจุดจบของราชาอมตะ

The End.  By Pond

น้ำล้างหน้าตะโพน

น้ำล้างหน้าตะโพน



     นักแสดง เช่น ลิเก ละครชาตรี เป็นต้น เมื่อจะออกแสดงในครั้งแรกๆ มักจะถือเคร่งกัน โดยเอาน้ำราดหน้าตะโพนมากิน การกินน้ำล้างหน้าตะโพน เข้าใจว่าจะทำให้หน้าด้านเหมือนตะโพน กินแล้วหน้าด้าน กินแล้วจะด้านไม่อาย เป็นความเข้าใจที่สืบต่อกันมา
     
    เพราะการเอาน้ำล้างหน้าตะโพนนั้นเวลาตี น้ำเสียงของตะโพนนั้นจะมีความหนักแน่น น่ากลัวและขลัง ความแน่นน่ากลัวของเสียงตะโพนนี้เองที่เป็นเหตุให้นักดนตรียึดถือว่า ตะโพนมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ถือว่าเป็นครู

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สังสารวัฎ กรงล้อแห่งการเกิดดับ

สังสารวัฎ กรงล้อแห่งการเกิดดับ



      สรงสารวัฎ เป็นความเชื่อและความยึดถือของคนสมัยโบราณ โน้นเมื่อหลายพันปีมาแล้วอย่างน้อยกก็รุ่นพุทธกาล โดยเชื่อในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด มนุษย์อุบัติขึ้นมาบนโลกนี้ ต่างก็ผ่านชีวิตแห่งอดีตสมัยมาแล้วหลายซับหลายซ้อย ทั้งชนชาวพุทธและฮินดู เชื่อแบบเดียวกันถึงชาติก่อนและผลกรรมที่เคยทำมาแต่อดีตชาติมาตอบสนองในชาติปัจจุบัน

เรื่องจริงของปีศาจเฝ้าขุมทรัพย์

เรื่องจริงของปีศาจเฝ้าขุมทรัพย์



       นายชื้น อินทิ้ว ชาวบ้านดอนทะนนชัย หมู่1 ตำบลหนองกรด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เป็นคนทำไร่ คืนวันที่ 20 เดือนกันยายน พ.ศ.2504 ประมาณสองยามเขาฝันว่า เห็นปีศาจชายหนึ่งคนรูปร่างสูงเท่าหลังคาเรือน พร้อมปีศาจหญิงอีก7ตน เข้ามาชวนเขาให้เป็นเพื่อนไปด้วยกันแต่เขาปฎิเสธไม่ยอมไปด้วย ชายอสูรกายนั้นจึงเอาเท้าเหยียบหน้าออกจนเขาหายใจไม่ได้ พร้อมขู่จนนายชื่นยอม แล้วปีสาจก็พาเขาไปยังเนินดินข้างบ้านซึ้งเขายกร่องปลูกมันไว้ เมื่อไปถึงมันบอกเขาว่าจะยกทรัพย์ที่อยู่ใต้ดิน ให้ขุดเอาเองแล้วเขาก็ตกใจตื่น

      รุ่งขึ้นเขาจึงพาไปขุดตรงนั้น พอขุดได้ลึกศอกเศษก็ได้ยินเสียงดัง ครืด ครืด คร้ายของหนักๆ กระทบกันทั้งๆที่แผ่นดินไม่สะเทีอนเขาจึงขุดต่อไป ขุด ขุด ขุด และขุด จนพบดินเผาปั้นเป็นรูปเจดีย์สูงประมาณ10นิ้วกว้าง15นิ้วเป็นจำนวนหลายร้อยองค์ เจดีย์เหล่านี้ตั้งล้อมพระพุทธรูป มีพระหลายชนิดจำนวนนับพันๆองค์ ล้วนเป็นพระเก่าแก่ซึ่งมีค่าทั้งสิ้น

ความศักดิ์สิทธิ์ของใบมะตูม


ความศักดิ์สิทธิ์ของใบมะตูม



      ใบมะตูมนิยมใช้ในพิธีไสยศาสตร์ของศาสนาพราหมณ์ นิยมแช่ในน้ำมนต์ หรือหนุนไว้ใต้ตำรา มีความหมายถึง การเบิกบาน ตูมแตกหน่อขึ้นมา สมัยพระจอมเกล้าฯ นั้น ได้มีประเพณีเจ้านายที่ผนวช ณ วัดพระศรีรัตศาสดาราม จะได้รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูมและทรงเจิมให้ด้วย

       ใบมะตูมมีสามแฉกรูปคล้ายตรี เป็นอาวุธของพระนารายณ์ตามประวัติเล่าไว้ว่า พระนารายณ์ใช้ตรีของพระองค์ปราบช้างเจรภังค์ดี เอาเชือกบาศ ผูกเท้าช้าง แล้วเอามาผูกกลับตรีปักบนดิน ช้างก็หมดพศ พอช้างตาย พระนารายณ์ก็ถอนตรีออกจากดิน ก็เกิดต้นมะตูม ใบเป็นหอกสามแฉก

       ในทางไสยศาสตร์ ห้ามควาญช้างตัดต้นมะตูม เพราะว่าใบมะตูมนั้นช้างทั้งหลายกลัวนักกลัวหนาในตำราว่าไว้ดังนี้

        ใบมะตูม ดอกมชูก น้ำผึ้ง หัวหอม พริกไทย กับสิ่งอื่นอีกสองสิ่งบดผสมกับเยี่ยววัวทาที่ขอบังคับช้าง ถ้าใช้ขอนั้นสับ ช้างจะอยู่ในบังคับ

กะโหลก ที่สถิตของวิญญาณ

กะโหลก ที่สถิตของวิญญาณ



       กะโหลกศีรษะของมนุษย์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นที่บรรจุของสมองและระบบประสาททั้งปวง มีส่วนอำนวยความควบคุมไปจากศูนย์กลางคือสมอง เช่น ความจำ ความคิดอ่าน และควบคุมการทำงานระบบอัตโนมัติในร่างกาย ในความเชื่อของชาวฮินดูถือว่า กะโหลกคือที่สถิตของวิญญาณ หรือพลังงานของจิตที่เรียกว่า ปราณ ฤษีเจ้าสำนักมักจะสั่งให้ศิษย์ใกล้ชิดคอยดูแล ถ้าอาจารย์หมดปราณไปแล้ว ก็ให้ศิษย์จัดการทำลายกะโหลกศีรษะ คือทุปกะโหลกให้แหลก เชื่อว่าเป็นการปลดปล่อยวิญญาณเป็นอสระอย่าได้กักขังไว้

อังค์ กุญแจแห่งเวทย์มนต์ เครื่องรางแห่งความรัก

อังค์ กุญแจแห่งเวทย์มนต์ เครื่องรางแห่งความรัก



      เครื่องรางชนิดนี้เป็นกุญแจอห่งเวทย์มนต์ ที่ชาวอียิปต์แต่โบราณจวบจนถึงปัจจุบันให้ความนับถือและเชื่อว่าเครื่องหมายชนิดนี้เป็นเครื่องหมายแห่งความรักและความโชคดี ปกป้องคุ้มครองจากวิญญาณชั่วร้าย เครื่องหมายชนิดนี้มีผลดีต่อจิตวิญญาณของผู้สวมใส่ และหากทำเครื่องหมายนี้ไว้ที่สุสาน เครื่องหมายชนิดนี้ก็จะทำหน้าที่ส่งพลังวิเศษคุ้มครองดวงวิญญาณให้ไปสู่สุคติภพได้ด้วย

สคารับ เครื่องรางแห่งอายุวัฒนะ

สคารับ เครื่องรางแห่งอายุวัฒนะ



        สคารับเป็นด้วงชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามพื้นดินเป็นแมลงปีกแข็ง ชาวอียิปต์แต่โบราณใช้แมลงปีกแข็งชนิดนี้เป็นตัวแทนแห่งการเกิดใหม่ และมันยังเป็นตัวแทนแห่งสุริยะเทพ เพราะการที่มันบินขึ้นจากกองดินที่ไร้ค่า ก็เหมือนว่าพระอาทิตย์ได้ทอแสงจากท้องฟ้า

        นอกจากนี้สคารับยังเป็นเครื่องรางแห่งความโชคดีที่ชาวอียิปต์ให้ความนับถือสูงสุดและเป็นที่นิยมมากอย่างหนึ่ง มันเป็นอำนาจแห่งความเป็นอมตะ การเริ่มใหม่ของชีวิต เพราะฉะนั้นชาวอียิปต์จึงผูกพันอยู่กับเรื่องของเทพเจ้าและพลังธรรมชาติ วิญญาณหลังความตาย ดังนั้นเครื่องรางของขลังของชาวอียิปต์จึงมีความขลังเป็นพิเศษ ผู้ที่ผูกพันเชื่อถือก็มักจะมีพลังอำนาจพิเศษในตัวด้วยเช่น พลังอำนาจทางด้านพยากรณ์ พลังอำนาจในการรักษาและก็มนต์ดำด้วย

การฝึกมวยอย่างมือสมัครเล่น

การฝึกมวยอย่างมือสมัครเล่น



แนะนำให้ฝึกตอนเย็นนะครับเพราะช่วงเช้ามันร้อน

วอมร่างกาย(สำหรับคนร่างกายอ่อนแอ)
1.กระโดดเชือก30นาที  ฝึกความคล่องตัว
2.สคอวท30ครั้ง ฝึกกล้ามเนื้อต้นขา
3.วิดพื้น30ครั้ง ฝึกกำลังแขน
4.ซิทอัพ30ครั้ง ฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแกร่ง
5.วิ่งเหยาะกับพื้น30นาที ฝึกความอึดความอดทนของร่างกาย

ฝึก ฟุตเวิร์ค มวย30นาที ของไทยหรือสากลก็ได้

ฝึกจดจำท่าอย่าง50ครั้ง5เซต(ความจริงมีเยอะแต่เราเอามาเป็นบางท่าที่ใช้จริงๆเท่านั้น)
1.หมัดตรง แยปซ้ายขวา
2.หมัดสวิงซ้ายขวา
3.หมัดฮุคซ้ายขวา
4.หมัดอัพเปอร์คัตซ้ายขวา
5.ศอกตรงซ้ายขวา
6.ศอกตัดซ้ายขวา
7.ศอกเหวี่ยงซ้ายขวา
8.ศอกกลับซ้ายขวา
9.แตะ ถีบตรงซ้ายขวา
10.แตะเหวี่ยงซ้ายขวา
11.แตะตะแคงข้างซ้ายขวา
12.แตะแบบจระเข้ฟาดหาง
13.เข่าตรง อัดซ้ายขวา
14.เข่าลอยซ้ายขวา
15.เข่าเหวี่ยงซ้ายขวา

              ฝึกประมาณ 5 วันต่ออาทิตย์ 2 วันพักผ่อน ประมาณ3เดือน
ก็จำท่าได้หมดแล้วที่เหลือฝึกให้ความเคยชินและฝึกความเร็วความ
คล่องตัว ความอดทน ความแข็งแกร่ง ประสาทสัมผัสต่างๆด้วย

มันดาลา พลังปัญญา 5 สี

มันดาลา   พลังปัญญา 5 สี



       มันดาลา คือ พื้นที่อันเป็นดินแดนแห่งพระพุทธะ อันเป็นมงคลจักรวาล เชื่อกันว่าผู้ใดก็ตามที่ไปเกิด ณ แดนแห่งนี้จะมีแต่ความสุข ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกที่มีแต่ความวุ่นวายนี้อีก
       ดังนั้นภาพมันดาลาส่วนใหญ่จะมีพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์อยู่ตรงกลางและรอบๆจะมีเหล่าทวยเทพและการจะวาดภาพมันดาลาให้มีพลังสูงสุดนั้นนั้นไม่ใช้เรื่องง่ายๆ แต่จำเป็นต้องพระลามะหรือพระผู้ทรงภูมิรู้ของธิเบตจริงเท่านั้นและที่สำคัญต้องเป็นงานวาดด้วยมือถึงจะศักดิ์สิทธิ์
       นองจากนี้สีของมันดาลายังช่วยฝึกสมาธิด้วยการเพ่งได้อย่างรวดเร็ว เมื่่อจดจำสีสันรูปร่างจนชำนานแล้วก็จะจดจำรายละเอียดจนสามารถขยายนิมิตของมันดาลาแล้วเข้าสู่สมาธิขั้นสูงขึ้นไปอีกทำให้ผู้เพ่งมีจิตก่อเกิดเมตตากรุณามีแรงบันดาลใจในการช่วยเหลือสรรพสัตว์อันไม่มีความประมาทด้วย

เพนตาแกรม ดาวแห่งโชค

เพนตาแกรม ดาวแห่งโชค



      เพนตาแกรมคือเครื่องชนิดหนึ่งที่มีเครื่องหมายดาวห้าแฉกหรือหกแฉก มีความศักดิ์สิทธิ์ที่มีการนับถือมานานพันปี มีความเชื่อมาจากชาวปาเกิน อันเป็นกลุ่มชนลี้ลับ มีอุปนิสัยเร่ร่อน เหมือนยิปซี

     นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความดีงามในคติดั่งเดิม และทรงพลังในทางด้านการนำโชคโดยเพนตาแกรมจะมีการจารึกชื่อนางฟ้าห้านางเอาไว้ผู้ที่พกผู้ที่พกเครื่องรางนี้ย่อมเป็นผู้ได้รับพรจากนางฟ้าทั้งห้าเสมอๆ

     อย่างไรก็ตามแพนตาแกรมก็ยังมีมิติลี้ลับซ้อนอยู่ในตัวเองการที่เราเห็นตราชนิดนี้ปรากฎอยู่ที่พื้นดินตามหนังแม่มดพ่อมดหรือหนังผีปีศาจเพราะพวกเขามีความเชื่อว่าเป็นการกำหนดเขตแดนศักดิ์สิทธ์ ซึ้งมีความเชื่อในกลุ่มนับถือพลังงานตามธรรมชาติ
   
     นอกจากนี้ยังมีเพนตาแกรมกลับหัว ซึ้งมีความหมายถึง ซาตาน โดยเพนตาแกรมกลับหัวนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับหัวของแพะหัวของปีศาจ

     และนอกจากนี้เพนตาแกรมยังมีความหมายในเชิงปรัชญาเช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้

มนุษย์ สัตว์สังคมที่ไม่แสดงสันดาน

มนุษย์ สัตว์สังคมที่ไม่แสดงสันดาน



    ขึ้นชื่อว่ามนุษย์มักจะไม่แสดงตัวตนให้ใครได้เห็นและต้องทำตัวตามน้ำกับผู้อื่นเพื่อไม่ให้แปลกแยกและมักจะต่อต้านในสิ่งที่ขัดกับตนเองแต่จะไม่แสดงออกให้ผู้อื่นได้เห็นและจะแสดงออกก็ต่อเมื่อสภาพแวดล้อมสังคมหรือสถานการณ์บังคับโดยนิสัยของมนุษย์หลักแล้วก็มีดังนี้
1.ไม่ชอบให้ใครมาว่า
2.อยากเด่นอยากดัง
3.เห็นแก่ตัวชอบเอาตัวรอด
4.ชอบเอาเปรียบผู้อื่น
5.ชอบเลียนแบบและเปรียบเทียบ

เพนดูลั่ม ลูกดิ่งทำนายอนาคต

เพนดูลั่ม ลูกดิ่งทำนายอนาคต



    เพนดูลั่ม คือ อุปกรณ์ชนิดหนึ่งทำจากหิน แร่ หรืออัญมณีผูกเชือกหรือสร้อยห้อยลงมาทำหน้าที่คล้ายดาวซิ้งหรือไม้ล้างป่าช้า โดยการแกว่งซ้ายขวา หน้าหลัง หรือวนตามหรือทวนเข็มนาฬิกา ทำหน้าที่ค้นหาทรัพยากรทางธรรมชาติหรือทำนายอนาคตที่ใกล้จะถึงโดยใช้จิตใต้สำนึกเป็นตัวช่วยในการแกว่งมีมานานตั้งแต่สมัยโมเสสใช้ไม้ไม่มีกิ่งในการค้นหาแหล่งน้ำ

ดรีมแคชเชอร์ เครื่องรางดักฝัน

ดรีมแคชเชอร์ เครื่องรางดักฝัน



     เครื่องรางชนิดหนึ่งที่มีหน้าตารูปร่างสวยงามคล้ายกับการถักทอของใยแมงมุม เครื่องรางอันมีที่มาจากชนเผ่าอินเดียนแดง ที่เรียวตนว่า โฮจิบเว ดรีมแคชเชอร์ มีชื่อเรียกภาษาไทยว่า ตาข่ายดักฝัน
   
     เครื่องรางนี้เป็นเครื่องดั้งเดิมที่มีมานานนับร้อยนับพันปี สันนิษฐานว่าการสร้างเครื่องรางชนิดนี้มาจากชนเผ่าอินเดียนแดงในอดีตพัฒนามาจาก ใยแมงมุม

     ในวัฒนธรรมของชนเผ่าชาวอินเดียนแดงเป็นผู้ผสานจิตวิญญาณของตนเข้ากับธรรมชาติและมีวิวัฒนาการทางภูมิปัญญาสูงมากเช่นเดียวกับวัฒนธรรมของอียิปต์ที่สร้างปิรามิด

อย่างการสร้างตาข่ายดักฝันนั้น เป็นการจำลองมาจากการสร้างใยแมงมุมขึ้นมา ใยแมงมุมธรรมชาตินั้นทำหน้าที่ดักสิ่งมีชีวิตไว้เป็นอาหารแก่แมงมุมเช่นเดียวกับดรีมแคชเชอร์ มันทำหน้าที่ดักฝันร้ายไม่ผ่านขณะเรานอนหลับนอกจากนี้ยังดักพลังงานและคลื่นความถี่บางอย่างที่ไม่ดีหรือเป็นด้านลบซึ้งเป็นส่งผลไม่ดีต่อมนุษย์ แล้วนอกจากนี้ดรีมแคชเชอร์สามารถที่กลั่นกลองอากาศต่างที่เข้ามาใกล้บ้านหรือบริเวณที่ใกล้ๆมันอีกด้วย

วิญญาณ...พลังงานเล้นลับ


วิญญาณ...พลังงานเล้นลับ



   ขึ้นชื้อว่าวิญญาณ ย่อมมีสิงสถิตทุกหนทุกแห่ง วิญญาณคือ ร่างของโอปปาติกะของผู้เสียชีวิตโดยสาเหตุต่างๆ บางคนยังไม่ถึงที่ตายแต่มีเหตุ คือกรรมมาบั่นรอนให้ต้องเสียชีวิตไปก่อนอายุยังไม่ถึงกำหนดที่จะไปเสวยกรรม ไม่ว่าทั้งดีหรือไม่ดี ในภพภูิมต่างๆ วิญญาณนั้นๆก็จะสิงสถิตอยู่ตามที่ต่างๆตามถ้ำ ตามป่าเขา ต้ามบ้านร้าง ปราสาทเก่าๆ และตามท้องทะเล

ข้อหามเรื่องรองเท้า

ข้อหามเรื่องรองเท้า



1.ในศาสนาอิสลาม มีข้อหามว่า มิให้ผู้สวมรองเท้าเข้าไปในสุเหร่ามัสยิด ยิ่งเป็นผู้อยู่ในศาสนาอื่น ถือว่าเป็นการดูหมิ่นกันทีเดียวถือว่ารองเท้าเป็นของต่ำเหยียบของโสโครกมา

2.ในศาสนาพุทธก็มีบัญัต มิให้สงฆ์สวมรองเท้าเข้าไปในเขตพัทธสีมา ถือเป็นบาป

3.ในคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์ กล่าวโมเสสจะขึ้นไปบนภูเขาไซนาย พระเจ้าได้ร้องลงมาว่าให้ถอดรองเท้าเสียก่อน ด้วยภูเขาศักดิ์สิทธ์เป็นที่เคารพ เมื่อโมเสสถอดรองเท้าขึ้นไป พระเจ้าก็ได้มอบจารึกศิลาบัญญัติ 10 ประการ ไว้เป็นศิลข้อปฎิบัติชาวยิว และต่อมาก็ชาวคริสเตียนทั้งมวล

4.ในเขตเจดีย์สถานของชาวพุทธที่พม่า เช่นวัดวาอาราม และเจดีย์ชเวดากอง จะไม่อนุญาติให้ผู้ใดใส่รองเท้าเข้าไปในพุทธศาสนสถานเป็นอันขาด

5.ประเพณีพุทธฝ่ายหินยานในไทย ไม่ว่าจะเป็นมหานิกาย หรืือปรรมยุติ ห้ามมิให้สงฆ์ใส่รองเท้าเวลาบิณฑบาตเป็นอันขาต

อธิษฐาน ความปรารถนาของมนุษย์

อธิษฐาน ความปรารถนาของมนุษย์

http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/980/14980/images/christmas/pray3jpg.jpg

    มหัศจรรยสิ่งหนึ่งของชีวิต  ที่หลายคนยังไม่ทราบว่าทุกคนนั้นมีอยู่ในตัวเอง และมีพลานุภาพ
ที่ยิ่งใหญ่ที่จะช่วยให้ทุกคนพบกับสิ่งที่ปรารถนา สิ่งนั้นคือ การอธิษฐาน หลายคนอาจจะทราบ แต่
อาจจะยังไม่รู้

    แท้จริงนั้นการอธิฐานนั้นคืออะไร แล้วต้องทำอย่างไรให้การอธิฐานนั้นจึงจะัมฤทธิผลได้เร็วตามความต้องการ

    การอธิษฐาน นั้นที่เข้าใจกันแบบง่ายๆ ก็คือ เป็นการแสดงความตั้งใจหรือมุ่งมั้นปรารถนาทางจิตใจ
ที่หวังจะให้เกิดผลสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาเป็นรูปธรรม เป็นการมุ่งหวังในสิ่งท่ยังมาไม่ถึงเป็นเรื่องของอนาคต เป็นการร้องขอหรือความตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่ตนคาดหวัง หรือคนที่รู้บอกว่าถือว่า เป็นการล็อคเป้าหมายในชีวิตอย่งหนึ่ง และมีความสำคัญจึงปรากฎอยู่ในทุกๆของศาสนา

   เพราะเชื่อว่าการอธิษฐานนั้นเป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้เป็นเรื่องที่เสียหายหรือผิดศีลธรรม ถ้าการอธิษฐานนั้นอยู่ในทำนองคลองธรรมที่ถูกต้อง

ของเล่นของทุกชีวิต

ของเล่นของทุกชีวิต

http://women.sanook.com/story_picture/b/52650_002.jpg


วัยเด็ก....ของเล่นคือสิ่งที่เติมเต็มจินตนาการให้กับคุณ
แล้วเมื่อคุณโตขึ้นมาละ....ของเล่นสำหรับคุณมันตอบสนองอะไร?
ความเชื่อ ความต้องการ หรือ......ความปรารถนา.......?
เราเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในความเป็นคุณ
ผ่าน ของเล่น ที่พวกคุณได้เล่นและจินตนาการ
ทุกเพศ ทุกวัย และทุกชีวิต
ต่างมีจินตนาการและความปรารถนา
ไม่จะชีวิต ยศ เงินตรา ความงดงาม อิสระ และความเป็นนิรันดร์
แล้วจินตนาการและความปรารถนากับของเล่นของคุณละคืออะไร........