วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หลักพาเรโต ลงมือน้อยแต่ผลลัพธ์มาก หลักคิดที่มีประโยชน์มากๆ


หลักพาเรโต ลงมือน้อยแต่ผลลัพธ์มาก หลักคิดที่มีประโยชน์มากๆ


กฎดังกล่าวอธิบายถึงสิ่งที่สำคัญหรือมีประโยชน์จะมีอยู่เป็นจำนวนที่น้อยกว่าสิ่งที่ไม่สำคัญ
หรือไม่มีประโยชน์ซึ่งมีจำนวนที่มากกว่า ในอัตราส่วน 20 ต่อ 80 หรือ ที่เรียกกันว่า
กฎ 80/20 ของพาเรโตนั่นเอง 
?
1.ความหมายของกฎ 80/20 ?
สิ่งที่สำคัญจะมีเพียง 20 % ของสิ่งที่ไม่สำคัญอีก 80 %
เป็นกฎที่แสดงถึงความไม่สมดุล ที่สามารถพบเห็นทั่วไปในชีวิตประจำวัน
และในระดับงานใหญ่ๆ โดยขอยกคำอธิบายเป็นกราพดังนี้
?
?
ต้มยำกุ้ง เป็นอาหารที่ลูกค้าไม่พอใจมากที่สุด และต้องปรับปรุงเป็นอันดับแรกแล้วความถี่สะสม เปอร์เซ็นต์สะสม ทำไปทำไม แผนผังพาเรโตจะตอบได้อีกว่า ถ้าต้องการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าเป็น 85% จะแก้ไขปัญหาอะไร
จะต้องปรับปรุงรสชาติอาหาร 3 อย่าง คือต้มยำกุ้ง ไข่เจียวฯและราดหน้าฯ ก็จะทำให้ความพึงพอใจไปถึง 85 % ซึ่งแก้ไขปัญหา 3 อย่างแต่ผลลัพธ์ออกมามากมาย นี่คือหลักพาเรโต
?
หรือเหตุการณ์อื่นๆเช่น
?
?หากคุณครูให้จับกลุ่มกันทำรายงานจำนวน 10 คน จะมีเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่เป็นแกนนำ ในการทำการบ้านเกือบทั้งหมด ที่เหลือจะช่วยกันทำเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
หากเราจะอ่านหนังสือสอบ จะมีเนื้อหาเพียง 20 % ในเล่มเท่านั้นที่ออกข้อสอบ แต่ประเด็น สำคัญคือ เนื้อหาส่วนนี้อยู่ที่ไหนของเนื้อหาทั้งหมดภายในเล่ม
คนทำงานที่เจริญก้าวหน้า ซึ่งเป็น 20 % ของคนทั้งหมด จะมีลักษณะจดจ่ออยู่กับกิจกรรม ที่ไปสู่จุดมุ่งหมายหลักของชีวิต ทำในสิ่งที่ต้องการทำหรือทำให้รู้สึกดี อาจจะทำในสิ่งที่ไม่ ต้องการบ้าง แต่ทำเพราะว่ามันเป็นหนทางไปสู่เป้าหมายภาพรวมที่หวังไว้ สามารถหาคนทำ ในสิ่งที่ไม่อยากทำหรือไม่ถนัดที่จะทำได้ และสุดท้ายคือ มีความสุขที่ได้ทำ ส่วน 80 % ที่เหลือ จะทำงานอยู่กับสิ่งที่คนอื่นต้องการให้ทำ แต่ตัวเองไม่ได้มีส่วนลงทุนอะไรตรงนั้น ทำงานในงานที่ต้องการอย่างเร่งด่วนบ่อยๆ ใช้เวลาไปกับงานที่ไม่ถนัดเสียมาก การทำงานใช้เวลามากกว่าที่คิด และรวมไปถึงการที่พบว่า ตัวเองบ่นเรื่องงานอยู่ตลอดเวลา
สังเกตหรือไม่ว่าในร้าน 7-11 มีสินค้าเป็นจำนวนมากหลายพันรายการ รายได้กว่า 80 % มาจากรายการสินค้าเพียง 20 % จากรายการสินค้าทั้งหมดที่วางขายอยู่ในร้าน คงสงสัยว่าทำไม ไม่ขายเฉพาะสินค้าที่ขายดีเท่านั้น คำตอบก็คือ ร้านค้าจำเป็นที่จะต้อง มีสินค้าที่หลากหลายเพราะว่าผู้บริโภคนั้นมีความต้องการที่มีความแตกต่างกันนั่นเอง
2.การนำกฎ 80/20ไปใช้ในการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ?
หากเราพบว่า สิ่งไหนให้ประโยชน์สูง ก็ควรเน้นส่งเสริมสิ่งนั้น หรือในทางตรงกันข้ามกัน ให้เพิ่มประสิทธิผล ของสิ่งจำนวนมากที่เหลือให้ขยายรากฐานกว้างขึ้น เช่นการมุ่งเน้น ส่งเสริมเศรษฐกิจระดับรากหญ้าให้เข้มแข็ง
3.การนำกฎ 80/20ไปใช้อย่างมีคุณธรรมจริยธรรม
คนรวยจำนวน 20 %ของคนทั้งประเทศและมีทรัพย์สินหรือก่อให้เกิด GDP รวมกันคิดเป็น 80 % ของทรัพย์สินหรือรายได้มวลรวมประชาชาติของคนทั้งประเทศ ….แต่ ถ้าเรายึดหลักเศรษฐศาสตร์เพียงอย่างเดียว(ไม่มีคุณธรรม,จริยธรรม) ไปให้ความ สำคัญและสนับสนุนธุรกิจของคนรวยเพียงอย่างเดียว ผลลัพธ์ จะออกมาเป็นตัวอย่างและ บทเรียนอย่างที่เราเคยเห็นในวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ความเสียหายมากกว่า 80 % จึงมีสาเหตุมาจากสาเหตุจากกลุ่ม 20 % เท่านั้น
รายได้ส่วนใหญ่ 80 %มาจากลูกค้าประจำ และอีก 20 % มาจากลูกค้าใหม่ ซึ่งเราจะให้ความสนใจกับลูกค้าเก่า หรือลูกค้าใหม่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ ดังนั้นเราต้องรักษาลูกค้าประจำ และทำให้ลูกค้าใหม่กลายเป็นลูกค้าประจำให้ได้
ลูกค้าเพียง 20 %จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทถึง 80 % ของรายได้รวมทั้งหมด 80 %ของยอดขายมาจาก 20 %ของพนักงานขายที่มีประสิทธิภาพ หรือในทางกลับกัน พนักงาน 80 % สร้างผลผลิตให้บริษัทได้เพียง 20 % ?
4.การนำกฎ 80/20ไปใช้ในการบริหารชีวิตและเวลา
หากทำบัญชีรายจ่ายส่วนตัวของเรา จะพบว่ารายจ่ายส่วนใหญ่ 80 % จะอยู่ในกลุ่มรายการ ข้อรายจ่ายเพียง 20 % ของรายการทั้งหมด กลุ่มรายการเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรายการ ที่รับประทานไม่ได้ หากรับประทานไปก็จะเป็นโทษต่อร่างกาย เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, บุหรี่,ค่ามือถือคุยไร้สาระ ค่าเสื้อผ้า คนส่วนใหญ่หลงคิดไปว่าใช้เงินสำหรับซื้อความสุข ซึ่งความสุขที่ได้ซื้อมานั้น จะสุขแบบชั่วครั้งชั่วคราว สุกๆดิบๆ ไม่สุขจริง และเมื่อหมดสุข ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อซื้อหาความสุขใหม่เปรียบได้กับการเป็นทาสของกิเลสตัณหา มีความสุขจอมปลอมเป็นสารเสพติด บังคับให้ผู้เสพต้องดิ้นรนไขว่คว้าเงินตราไปซื้อหา อย่างไม่สิ้นสุดดังนั้นหากควบคุมรายการรายจ่ายจำนวน 20 % นี้ได้ ด้วยการชนะใจตนเอง จะทำให้ลดรายจ่ายส่วนมากที่มีปริมาณถึง 80 %
เราควรให้ความสำคัญของการใช้เวลาในการทำงานประจำวันของเราว่า เวลา 80 % ที่คุณใช้ไป ให้คุณค่าหรือผลงาน 20 %ที่มีคุณภาพที่สุดออกมาหรือยัง งานแต่ละอย่างอาจใช้เวลาเท่ากันในการทำให้สำเร็จ แต่จะมีอยู่ 1 – 2 งาน เท่านั้น ที่จะให้ คุณค่ามากเป็น 5 เท่า หรือ 10 เท่าของงานอื่น หากคุณเป็นคนผัดวันประกันพรุ่งในงาน 1-2 ชิ้นนั้น คุณก็จะกลายเป็นคนที่ยุ่งตลอดวัน โดยทำงานได้สำเร็จน้อยมาก คุณกำลัง ทำงานที่มีคุณค่าต่ำ และผัดวันประกันพรุ่งในงานสำคัญอยู่หรือเปล่า ใช่แล้ว….. งานสำคัญของคุณคือ การสะสมทรัพย์ภายใน หาใช่ทรัพย์ภายนอกไม่
5.แนวคิดในเรื่องของ 80/20 นั้น ดูเหมือนจะเป็นหลักสากลที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางมาก
?แต่ก็ยังเจอที่เข้าใจผิดกันบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลข 80 และ 20 ที่พอนำมาตั้ง เป็นกฎแล้ว มักจะไปยึดติดกับตัวเลขสองตัวเลขนี้ ทำให้ในสถานการณ์ต่างๆ พยายาม หาเจ้าตัว 80 % และะ 20 % ให้ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในสถานการณ์ต่างๆ ตัวเลขไม่จำเป็นต้องเป็น 80 และ 20 ก็ได้ เช่น 80 % ของผลสำเร็จที่เกิดขึ้น มาจาก 10 % ของความพยายาม (ซึ่งก็จะกลายเป็นกฎ 80/10 ไป) หรืออาจจะเป็น 90/10 ก็ได้ ดังนั้น เวลานำกฎนี้ไปใช้ ไม่ต้องการให้ไปยึดติดที่ตัวเลขทั้งสองตัว และไม่จำเป็นที่ จะต้องรวมกันแล้วเท่ากับร้อย เพียงแต่กฎนี้เป็นแนวทางหรือกรอบให้คิดได้มากกว่า 20
สิ่งที่ทำให้เวลาสูญเปล่า
1. บริหารงานตามวิกฤต
2. การโทรศัพท์
3. วางแผนน้อยเกินไป
4. ไม่จัดระเบียบเรื่องส่วนตัว
5. หน้าที่ซ้ำซ้อน
6. ไม่กล้าพูดคำว่า ? ไม่ ?
7. การประชุม
8. ผลจากงานที่ยังไม่สำเร็จ
9. การเข้าสังคม
10. การสื่อสารที่ไม่ดี
11. ใช้ความพยายามมากเกินไป
12. มีผู้มาพบโดยไม่ได้นัดหมาย
13. มอบหมายงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
14. ขาดวินัย
15. ผัดวันประกันพรุ่ง
16. งานเอกสาร
17. ทรัพยากรไม่เพียงพอ
18. สับสนในความรับผิดชอบ
19. ขาดการควบคุม
20. ข้อมูลไม่สมบูรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น